เรื่องราวการสักยันต์

เรื่องราวของการสักยันต์นั้นเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ รอยสักยันต์นั้น คือ ความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ของคนโบราณจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เมื่อสืบค้นไปในอดีตกล่าวยืนยันว่ารอยสักยันต์ไทยมีมาตั้งแต่ครั้งก่อนสมัย กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีเสียอีก อิทธิพลการยันต์สันนิฐานว่าน่าจะได้มาจากขอมที่เรืองอำนาจอยู่ในแคว้นสุวรรณภูมิเมื่อ ประมาณ ๑,๕๐๐ ปีที่แล้ว เพราะอักขระ และลวดลายที่ใช้สักกันนั้นเป็นแบบอักขระขอม และภาษาบาลีเป็นส่วนใหญ่ เกิดเป็นผู้ชายไทยส่วนใหญ่จะสักยันต์กันแทบทุกคน ใครไม่มีรอยสักจะถูกสังคมตำนิประณามว่าไม่ใช่ผู้กล้าที่แท้จริง เพราะในการสักนั้น จะมีการเจ็บปวด ทรมาน เป็นการพิสูจน์ใจ และพิสูจน์ความกล้า คนไทยสมัยโบราณส่วนใหญ่ล้วนมีรอยสักติดตัวกันแทบทั้งสิ้น จุดประสงค์ และความมุ่งหมายมาดมั่นของการสักอาจมีประกอบด้วยเหตุผลหลายประการ ตามความเชื่อ, ขนบธรรมเนียมปฏิบัติ, ประเพณี, และสังคมกำหนดขึ้น
ขั้นตอนและพิธีการ
ในการสักยันต์ของคนไทยนั้นเท่าที่สังเกตดูจากหลายสำนักนั้นส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน หัวใจสำคัญอันดับแรก คือ การบูชาครู ผู้ที่จะเข้ารับการสักยันต์ทุกคน จะต้องเตรียมพานดอกไม้, ธูป, เทียน, เงินค่ายกครูเพื่อเป็นการบูชาครู และถวายตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เสียก่อน
- งินค่าบูชาครูอาจแตกต่างกันบ้างในสมัยก่อนจะนิยมเด้วยจำนวนเงินลงท้ายด้วยเลขหก เช่น หกบาท, สามสิบหกบาท แต่ในปัจจุบันนั้น ค่านิยมเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย อาจขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ, ลวดลายใหญ่เล็ก ตลอดจนความยากง่ายของลายสักยันต์ ดั่งนั้นเงินค่าบูชาครูที่ใช้ในทุกวันนี้จึงเปลี่ยนไปแล้วแต่ละสำนัก
- ผู้สักยันต์จะทำการไหว้ครูด้วยการถวายพานดอกไม้ ธูป เทียน และเงินค่ายกครูแก่อาจารย์สักยันต์ ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ ปวารณาตนเป็นคนดี เมื่อได้รับการสักยันต์ไปแล้ว จากนั้นจึงเริ่มพิธีการสักยันต์
- รอยสักยันต์จึงเป็นเครื่องหมายเตือนใจ เตือนสติ ด้วยอีกในหนึ่ง เพราะทุกาจารย์ที่สักยันต์นั้น ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ หรือฆราวาสเป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมด้วยกันทั้งสิ้น จึงมีข้อห้ามข้อละเว้นต่างๆ เช่น ห้ามประพฤติผิดศีลธรรม ฯลฯ
หมึกสักยันต์ในสมัยโบราณ
ในสมัยโบราณจะใช้หมึกจีนชนิดแท่ง นำมาฝนจนละเอียด แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำมันเสือ น้ำมันงา หรือดีของสัตว์ต่างๆ เช่นดีปลาช่อน, ดีควาย, ดีหมี สูตรเชื่อกันว่าจะทำให้รอยสักยันต์มีอนุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี สูตรในการผสมน้ำหมึกนั้นไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับอาจารย์ หรือสำนักไหนจะใช้อย่างไร
แต่ปัจจุบันนี้ ได้แบ่งการสักยันต์ออกเป็น 2 ประเภท
๑. สักหมึกจะใช้หมึกในการสักลวดลายต่างๆ
๒. สักน้ำมันจะใช้น้ำมันในการสักแทนการใช้หมึก น้ำมันก็แล้วแต่ทางละสักนัก หรืออาจารย์จะเลือกใช้ หรือคิดค้นกันมา จะเป็นมหาเสน่ห์ มหานิยม คงกระพันชาตรี
จะใช้หมึก หรือน้ำมันในการสักยันต์ ก็ต้องอาศัยความเชื่อ และความศรัทธาของครูบาอาจารย์ และต้องปฏิบัติดี ประพฤติชอบถึงจะมีความขลัง และความศักดิ์สิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โปรดแสดงความคิดเห็น