ประวัติหลวงปู่แวกาย

ผู้สืบสานตำนาน “ไสยเวท นครวัด”  ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรขอม

           หลวงปู่แวกาย พนฺธสาโร เกิดวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2475 ปีจอ  ปัจจุบันอายุ 74 ปี เป็นชามกัมพูชาโดยกำเนิด  บิดา-มารดา ประกอบอาชีพทำนา  บิดาของท่านเป็นอาจาย์ทางไสยเวทที่เก่งท่านหนึ่งในกัมพูชา  ด้วยเหตุนี้หลวงปู่แวกายท่านจึงสนใจใฝ่รู้ในวิชาอาคมต่าง ๆ จากบิดา ความสนใจใฝ่รู้ตั้งแต่เยาว์วัยทำให้ท่านมีพื้นฐานในวิชาอาคม  ท่านได้จดอักขระยันต์ประตูนครวัดมาศึกษาจนสำเร็จและเข้าใจ หลวงปู่เรียกยันต์นี้ว่า “ยันต์อาถรรพ์”  ปัจจุบันแผ่นยันต์นี้ได้ถูกขโมยไป  ยันต์อาถรรพ์นี้หลวงปู่ว่าศักดิ์สิทธิ์นัก เพราะเป็นต้นกำเนิดของวิชาอาคมต่าง ๆ

          หลวงปู่สำเร็จวิชาอาคมหลายอย่างจากบิดาท่านด้วยวัยเพียง 18 ปี  ปีพ.ศ. 2495 ท่านได้อุปสมบทและจำพรรษาที่ วัดอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ท่านได้เพิ่มความเพียรในการปฏิบัติธรรม  โดยการออกธุดงค์ขึ้นไปบนเขากิเลน สถานที่ซึ่งถือเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธ์ การธุดงค์ครั้งนั้นท่านได้พบพระอาจารย์หลายรูปด้วยกัน  แต่ละท่านล้วนเก่งหล้าในวิชาอาคม  การใช้ชีวิตในถ้ำเขากิเลนเป็นไปด้วยความยากลำบาก  พระคณาจารย์หลายท่านต้องจบชีวิตลงจากไข้ป่าที่ชุกชุมหรือสัตว์ป่าที่ดุร้าย รวมทั้งภูตผี ปีศาจ และผู้มีวิชาอาคมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์หรือนักสิทธิ์วิทยา, พระฤาษี, นักพรตนุ่งขาวห่มขาว บางส่วนที่มีมิจฉาทิฐิชอบทดสอบวิชาอาคมซึ่งกันและกันว่าท่านทั้งหลายที่สามารถธุดงค์มายังเขากิเลนได้นั้นจะต้องมีวิชาอาคมพอที่จะรักษาตัวท่านให้รอดปลอดภัยกลับไปได้หรือไม่  พระผู้ปฏิบัติดีหลายท่านที่วิชาอาคมยังไม่แก่หล้าพอต้องมรณภาพลง ณ เขากิเลนแห่งนี้  พบ “หลวงปู่สรวง” ที่ถ้ำเขากิเลน ชาวบ้านเรียกท่านว่า “หลวงปู่แคลง” หลวงปู่แวกาย ได้ถวายตัวเป็นศิษย์และร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่สรวงจนสำเร็จ หลวงปู่แวกายท่านธุดงค์อยู่ป่าเป็นเวลานับสิบปี เมื่อได้พรรษามากวิชาอาคมของท่านก็แกร่งกล้ามากขึ้นตามลำดับ  การธุดงค์ครั้งนี้ท่านได้ทั้งธรรมะและวิชาอาคมจนเป็นที่พอใจ 

         กระทั้งปี พ.ศ. 2509 ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย  ในช่วงเวลานั้นบ้านเมืองของท่านอยู่ระหว่างเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากสงครามอินโดจีนเป็นการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มสองฝ่าย ประชาชนอดอยากแร้นแค้น  สงครามกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบ  พร้อมกันนั้นรัฐบาลได้สั่งการอนุญาตให้สหรัฐนำระเบิดมาทิ้งทำลายประชาชนอย่างไม่ปราณี  การกลับมาของหลวงปู่แวกายจึงเหมือนเป็นความหวังที่พึ่งสุดท้ายของทหารและประชาชน  ทุกนาทีชีวิตของทุกคนมีแต่อันตรายรอบด้านทั้งที่เป็นบ้านเกิดของตน  ดังนั้นจึงเป็นที่โจทย์ขานกันเรื่องเครื่องรางของขลัง ของหลวงปู่แวกาย ว่าแคล้วคลาดปลอดภัย  อีกวิชาที่ชาวบ้านรวมทั้งทหารยอมรับและนิยมคือ  การลงทองพร้อมทั้งการลงอักขระทั้งตัว กล่าวกันว่าผู้ใดที่หลวงปู่ ลงทองให้ไม่มีตายเพราะถูกกระสุนปืนหรือเหยียบกับระเบิดสักคน  กระทั้งวัว, ความหรือลูกหลานที่ท่านเป่าหัวให้เหยียบกับระเบิดแต่ไม่ระเบิดสักลูก  หรือถูกยิงแต่ไม่เป็นอะไร 
        ชาวบ้านและทหารศรัทธาหลวงปู่แวกายมาก  วัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกแบบ เช่น ตะกรุด, ผ้ายันต์ ได้รับความนิยมจนเป็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางผู้คนเดินทางมากราบท่านเพื่อขอของดีวันแล้ววันเล่า

        ท่านได้เดินทางมาประเทศไทยและจำพรรษาที่ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์  หลวงปู่มีพระสหายอยู่ที่ วัดตาอี คือหลวงปู่ชื่น หลวงปู่แวกายได้จำพรรษาที่ วัดตาอี  หลายพรรษได้ช่วยหาเงินสร้างโบสถ์ วัดตาอี  จนแล้วเสร็จ  ปี พ.ศ. 2545  หลวงปู่แวกายได้มาพักที่วัดช่องลมมหาชัย อยู่ประมาณ 3 เดือน  และอีกหลายวัดในประเทศไทย  เช่น วัดน้อยนางหงส์มหาชัย,  วัดแค สมุทรปราการ, กลับวัดตาอี อีกครั้ง, จากนั้นท่านมาพักที่วัดแจ้ง นนทบุรี ปี พ.ศ. 2547 ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดรวกบางสีทอง จนกระทั้งปัจจุบัน  และครั้งนี้หลวงปู่ได้เมตตาช่วยเหลือในการสร้างวัตถุมงคลเพื่อนำปัจจัยบูรณะเสนาสนะวัดรวกบางสีทอง  ที่ชำรุดทรุดโทรมลง ด้วยการปลุกเสกวัตถุมงคล  รุ่น “ไสยเวท นครวัด” เป็นเวลา 1 ไตรมาส

       ปัจจุบันหลวงปู่แวกายท่านได้ใช้วิชาการสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา เสริมดวง แก้คุณไสย ขับไล่ภูตผี ดูดวงและอีกหลาย ๆ อย่างทั้งด้านนามธรรมและรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือคณะศิษย์ที่อยูที่วัดรวกบางสีทอง  หลวงปู่บอกว่า “มนุษย์ต่างมีกรรมเป็นของตัวมากบ้านน้อยบ้าน ต่างวาระกัน ส่วนใหญ่มาเพราะเกิดทุกข์ ให้ท่านช่วยแก้หลวงปู่ท่านทราบดีว่าไม่มีสิ่งใดจะแทนวิบากกรรรมได้แต่เราสามารถหนีได้ด้วยการหมั่นสร้างกรรมดีให้มากเมื่อกรรมดีมีมากวิบากกรรมก็ตามไม่ทันเพราะฉะนั้นการที่เรามีเครื่องรางของขลังหรือพระดีติดตัวช่วยคุ้มครองแคล้วคลาดก็ควรมีสติเตือนตัวเองหากเราหยุดสร้างกรรมดีเมื่อไหร่วิบากกรรมตามทันเมื่อนั้น  และเกิดเป็นคนให้รู้คุณบิดามารดา ท่านคือพระองค์แรกที่ทำมงคลให้เกดที่บ้านก่อน  แล้วจึงค่อยแสวงหามงคลที่พระ  อย่ารอเวลาที่จะทำความดีกับบิดามารดาเมื่อท่านยังมีชีวิตความกตัญญูกตเวทิตาคือสัญลักษณ์ของคนดี”

1 ความคิดเห็น:

โปรดแสดงความคิดเห็น